ในช่วงตั้งแต่มีโควิดเข้ามา หลายคนอาจจะใช้รถน้อยลง เพราะกิจกรรมหลาย ๆ อย่างถูกเปลี่ยนมาทำที่บ้านมากขึ้น บวกกับพิษเศรษฐกิจที่ทำให้ต้องประหยัดกันมากขึ้น บางคนจึงเริ่มคิดที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายลงอีกนิดด้วยการเปลี่ยนประกัน รถ ต่อประกันคราวหน้าบางคนก็อาจจะลดลงมาต่อเป็นประกันรถชั้น 2 หรือประกันรถชั้น 3 ซึ่งน่าจะช่วยลดภาระได้บ้าง แต่นอกจากเรื่องเปลี่ยนประเภทของประกันรถแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่หลายคนต้องพบเจอเมื่อรถไม่ได้ใช้นาน ๆ นั่นก็คือ กลิ่นเหม็นอับในรถยนต์ หากรถคุณมีปัญหาแบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลใจ เรามีคำแนะนำในการแก้ปัญหามาให้

ทำความเข้าใจก่อนว่ากลิ่นเหม็นอับมาได้อย่างไร

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ มีหลายวันที่ฝนฟ้ากระหน่ำลงมาจนน้ำแทบจะท่วม ยิ่งบวกกับสถานการณ์ของโลกที่ยังไม่ปกติเพราะโควิด 19 ส่งผลไปยังเรื่องของเศรษฐกิจที่อะไร ๆ ก็แพงขึ้น ทำให้หลายคนในช่วงนี้แทบจะเลิกใช้รถไปเลยเพื่อลดความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่าย บางคนถึงขนาดวางแผนเปลี่ยนการทำประกันรถจากชั้น 2 ไปเป็นประกันรถชั้น 3 เลยก็มี รถจอดอยู่ที่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้ใช้ พอเปิดประตูจะเข้าไปสตาร์ทรถเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่แห้ง กลับพบว่า ภายในรถมีกลิ่นเหม็นอับ เชื่อว่าคุณคงประหลาดใจอยู่เหมือนกันว่ากลิ่นเหม็นอับในรถยนต์มาจากไหน มาได้อย่างไร เหตุที่รถมีกลิ่นอับนั้นก็อาจเป็นไปได้หลายสาเหตุ เช่น

  • มาจากพฤติกรรมเคยชินของเรา ที่นำเอาอาหารเครื่องดื่มไปรับประทานบนรถเป็นประจำ นานวันเข้ากลิ่นก็สะสมอยู่ภายในเข้าไปที่ระบบช่องแอร์ต่าง ๆ ช่วงใช้รถบ่อย ยังมีการระบายอากาศเข้าออกบ้าง แต่พอไม่ได้ใช้รถนาน ๆ กลิ่นที่สะสมไว้นั้นจะกลายเป็นกลิ่นอับ
  • มาจากกลิ่นเหงื่อกลิ่นกายของเราเอง บางครั้งเราเหงื่อออกมาก ๆ แล้วเข้าไปนั่งในรถทันที ก็อาจทำให้กลิ่นสะสมจนกลายเป็นกลิ่นอับ
  • มาจากความชื้นแฉะ อาจจะมาจากน้ำที่ติดมากับร่ม มาจากชื้นแฉะของรองเท้า ถุงเท้าที่เราไปเดินย้ำน้ำมา หรือมาจากฝนโดยตรงในช่วงเวลาที่เราเผลอเปิดกระจกเวลาฝนตก

แล้วเราจะกำจัดกลิ่นอับในรถได้อย่างไร

  1. ง่ายสุดก็แค่เริ่มทำความสะอาดรถ และใช้สเปรย์เพิ่มกลิ่นในรถเข้าช่วย
  2. ไล่ความชื้นออกจากตัวรถ โดยเปิดประตูรถแล้วผึ่งแดด ไม่ต้องนาน เอาแค่ 1 ชั่วโมงก็พอ หลังจากนั้นก็ให้ผึ่งลมในที่ร่มต่ออีกสัก 1 – 2 ชั่วโมง กลิ่นอับก็จะหายไป
  3. ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยดูดซับกลิ่น อย่างใบชาแห้ง ถ่านไม้ ผงกาแฟ สิ่งเหล่านี้ช่วยดูดซับกลิ่นอับให้จากลงไปได้
  4. ใช้เครื่องหอม น้ำหอมสเปรย์ต่าง ๆ ใครไม่มีเวลาก็ลองใช้วิธีนี้ได้ แต่ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของเราได้

นี่คือวิธีการดูแลรถให้ปราศจากกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แบบง่าย ๆ ใครก็ทำได้ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาร้านคาร์แคร์เสมอไป ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ส่วนใครที่มีรถเก่าและต้องการเซฟเงินมากขึ้นในช่วงนี้ สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือลองพิจารณาลดประกันมาเป็นประกันรถชั้น 3 ดูก็ได้นะ จะได้จ่ายเบาลงอีกหน่อย แต่ก็ต้องพิจารณาให้ดีประกันรถชั้น 3 ช่วยเซฟเงินได้มากก็จริง แต่อาจไม่ครอบคลุมกรณีความเสียหายของรถในหลาย ๆ เรื่อง ตัดสินใจให้ดีจะได้ไม่ต้องมาหนักใจภายหลังยังไงล่ะ