ปัจจุบันอาหารจำพวกบุฟเฟ่ ชาบูหรือสุกี้นั้นได้เกิดขึ้นมากมายหลากหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นสุกี้ตี๋น้อย บุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นต่างๆ ร้าน MK และที่ดังมาแต่ครั้งสมัยอดีตอย่าง “ร้านหมูกระทะ” ที่ปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่อย่างต่อเนื่องและเป็นที่โหยหากันอย่างมากมายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ซาลง บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “เปิดตำนาน “หมูกระทะ” อาหารยอดนิยมของคนไทย” ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร สิ่งที่ควรระวังเวลาทานหมูกระทะ พร้อมกับบอกเคล็ดลับการทำน้ำจิ้มหมูกระทะได้อย่างอร่อยกันครับ

ต้นกำเนิดหมูกระทะ

ตั้งแต่สมัยมองโกล หมูกระทะในดั้งเดิมโบราณ เกิดมาจากทหารมองโกล พักศึกสงครามในสนามรบ แต่เมื่อเกิดอาการหิว ไม่มีอะไรเป็นอุปกรณ์ทำอาหารกิน ก็เลยใช้หมวกทหารมองโกลที่ลักษณะเป็นเหล็ก “Mongol Ancient military hat” มาใช้แทนเป็นที่ย่างเนื้อกิน หลังจากนั้นการออกแบบกระทะ เลยออกมาคล้ายหมวกทหาร ลักษณะโค้งมนตรงกลาง แต่เป็นเพียงเรื่องเล่าไม่ได้มีหลักฐานจารึกชัดเจน แต่ที่มีบันทึกที่ค้นพบครั้งแรก ของปี ค.ศ. 1918 ที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น สมัยฮอกไกโดเลี้ยงแกะอย่างมากในยุคนั้นเพื่อเอาหนังไปใช้ จึงทำให้เนื้อแกะล้นตลาด รัฐบาลญี่ปุ่นเลยส่งเสริมให้กินเนื้อแกะ จนถึงปี ค.ศ.1936 มีเปิดร้านอาหารลักษณะแบบนี้ที่โตเกียว จำนวนมาก ใช้ชื่อว่าร้านเจงกิสข่าน เมนูนี้จึงถูกเรียกกันโดยทั่วไปว่า เนื้อย่างเจงกิสข่าน ราวๆ พ.ศ. 2500 ได้มีการนำเข้า เนื้อย่างเจงกิสข่านเข้ามาในไทยและเปลี่ยนแปลงมาเป็นหมูกระทะในปัจจุบันครับ

กินหมูกระทะอย่างไรให้เป็นประโยชน์และหากไกลความอ้วน

งดคิดกินเยอะ เน้นกินหลากหลาย หลักการกินหมูกระทะ หรือบุฟเฟ่ต์ต่างๆ เป็นการกินในปริมาณที่ให้พลังงานมากกว่าอาหารมื้อหลัก ดังนั้นควรเลือกกินหลากหลาย เพื่อความอร่อยและได้รับพลังงานจากอาหารอย่างพอดีๆ

กินเนื้อสลับกินผัก การกินแต่เนื้อทำให้กระเพาะทำงานหนักเพราะย่อยยาก ดังนั้นทุกครั้งที่ย่างเนื้อ ย่างหมู ให้กินผักแนม หรือนำผักมาห่อเนื้อกิน เป็นผักอะไรก็ได้ที่ชอบ

●ควบคุมแคลและปริมาณการกิน บางคนคิดว่าไปร้านหมูกระทะให้ได้กำไร คุ้มกับเงินค่าบุฟเฟ่ต์ “ต้องกินเนื้อ” ให้มาก ไม่กินข้าว แป้ง เส้นต่างๆ จะขาดทุนนั้น เป็นความคิดที่ผิด เพราะหากกินแต่เนื้อ จะทำให้ได้รับไขมันมากขึ้น เพื่อดีต่อสุขภาพ เกิดความสมดุลควรกินคาร์โบไฮเดรตจากข้าวและผักต่างๆ นั้นเอง

จิ้มน้ำจิ้มพองาม ใช้แค่ถ้วยเดียว น้ำจิ้มหมูกระทะสามารถปรุงรสชาติเพิ่มด้วยพริก กระเทียม หรือเติมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางน้ำจิ้มได้ เพื่อสุขภาพที่ดีควรกินน้ำจิ้มถ้วยเดียว โดยจิ้มน้ำจิ้มแต่พอดี ซึ่งการกินน้ำจิ้มมากเกินไปจะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมมาก เพราะในน้ำจิ้ม 1 ถ้วย มีโซเดียมสูงประมาณ 900-1,000 กว่ามิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ หรือสูตรน้ำจิ้มหมูกระทะของแต่ละร้าน

2 ภัยเงียบของการกินหมูกระทะ

●โรคอ้วน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง

            ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ชอบกินหมูกระทะ อาหารปิ้งย่างและบุฟเฟ่ต์บ่อย ๆ โดยที่ไม่ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เชื่อว่าน้ำหนักคงจะขึ้น จนอาจเสี่ยงต่อโรคอ้วนแน่ ๆ และพอเกิดภาวะอ้วน โรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน

●มะเร็งตับ

ไม่ดื่มเหล้าก็เสี่ยงเป็นมะเร็งตับจากอาหารปิ้งย่างได้ เนื่องจากสารไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งพบได้บ่อยในปลาหมึกย่าง ปลาทะเลย่าง และในเนื้อสัตว์ที่ใส่สารไนเตรท ประเภทแหนม ไส้กรอก เบคอน แฮม ที่มีสีแดงผิดปกติ นับเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง นอกจากนี้สารไนโตรซามีนยังสามารถเกิดขึ้นได้เองจากกระบวนการปิ้งย่างอาหารอีกด้วย

เป็นอย่างไรบ้างครับกับเรื่องราวต้นกำเนิดของ “หมูกระทะ” กับสิ่งที่ควรทำในการกินหมูกระทะที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกัน เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กันนะครับ